New Isuzu Dmax ใหม่ อีซูซุ ดีแมคซ์ |
รูปลักษณ์แนวสปอร์ตทรงพลัง โฉบเฉี่ยวตั้งแต่หัวจดท้าย ดีไซน์ด้านหน้าแบบ 3 มิติ ชัดลึกในการมองเห็น ไฟหน้าขนาดใหญ่ พร้อมไฟท้ายแบบ LED ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่นำมาใช้ในวงการปิกอัพ
ห้องโดยสารขนาดใหญ่ ดีไซน์แบบ “DELUXE CAPSULE” ลงตัวกับทุกรูปแบบชีวิต ผสาน “UNIVERSAL DESIGN” ศาสตร์แห่งการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ใช้งานง่ายสะดวกสบายเหมาะกับคนทุกสรีระ คอนโซลหน้าพร้อมแผงหน้าปัดแบบ “SUPER VISION สุดหรู” พิเศษ! “MULTI-INFORMATION DISPLAY” ขนาดใหญ่ แสดงข้อมูลการขับขี่หลากหลายรูปแบบ พร้อมโหมดภาษาไทย ปรับง่ายเพียงปลายนิ้ว ปรับความสว่างอัตโนมัติ
ด้านระบบปรับอากาศอัตโนมัติดีไซน์ทันสมัย ใช้งานง่าย รวมทุกฟังก์ชั่นไว้ที่จุดเดียว และครั้งแรกแห่งโลกยนตรกรรมกับระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบ ด้วยระบบเสียงแบบ “SURROUND SOUND” สูงสุดถึง 8 ลำโพง ลำโพงคู่หน้าขนาดใหญ่พิเศษ FULL-SIZE 6x9 นิ้ว และลำโพง EXCITER ติดตั้งบนเพดาน ให้มิติเสียงสมจริงทุกรายละเอียด พร้อมฟังก์ชั่นปรับระดับเสียงตามความเร็วรถโดยอัตโนมัติ สุดหรูด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางให้เลือกอีกด้วย
นอกจากนี้ยังสร้างมาตรฐาน ใหม่ด้วย “ISUZU INSIGHT” ที่นำเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อช่วยประมวลผลและวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่แบบ เฉพาะตัว ซึ่งจะทำให้ผู้ขับขี่สามารถเรียนรู้ และพัฒนาศักยภาพการขับขี่ให้ปลอดภัย และประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น
ในส่วนเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลใหม่ 2500 Ddi VGS TURBO หรือเทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที พร้อมปรับประสิทธิภาพเครื่องยนต์ 3000 Ddi VGS TURBO ให้รีดกำลังได้สูงสุด 177 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที ส่วนเครื่องยนต์ 2500 Ddi TURBO ยังเป็น 116 แรงม้า เหมือนเดิม
ระบบส่งกำลังใหม่ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อม “REV-TRONIC” เลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ตามใจ และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด แบบ “SPORT-SHIFT” ช่วงชักสั้น เข้าเกียร์ง่าย ให้จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลทุกช่วงความเร็ว
“อีซูซุ ดีแมคซ์” โฉมใหม่ ขยายขนาดฐานล้อ ความกว้างช่วงล้อ พร้อมจัดวางตำแหน่งเครื่องยนต์ใหม่ให้อยู่เยื้องหลังล้อคู่หน้า ช่วยการกระจายน้ำหนักที่สมดุลขึ้น พร้อมแชสซีส์ขนาดใหญ่สุดในรถระดับเดียวกัน แข็งแกร่งกว่าเดิมถึง 42% พร้อมออกแบบช่วงล่างใหม่ ช่วงล่างหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริง ผสานช่วงล่างหลังแบบแหนบขนาดยาวพิเศษ (LONG SPAN) ช่วยให้การยึดเกาะถนน ทรงตัวเป็นเยี่ยมในทุกสภาวะทั้งรถเปล่าหรือบรรทุก
ด้านระบบความปลอดภัยแบบป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ (ACTIVE SAFETY) เบรก ABS พร้อม EBD และ BA เสริมด้วยระบบควบคุมการทรงตัว ESC และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว TCS มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยหม้อลมเบรกขนาดใหญ่พิเศษ 10.5 นิ้ว พร้อม TIED-BAR ดิสก์เบรกหน้าขนาดใหญ่ 300 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์แบบลูกสูบคู่
ตลอดจนระบบความปลอดภัยแบบป้องกันขณะเกิดอุบัติเหตุ (PASSIVE SAFETY) อาทิ โครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบเหล็กกล้า HIGH TENSILE STRENGTH STEEL ผลิตด้วยเทคโนโลยี TAILOR WELDED BLANK โดยใช้เหล็กที่หนาพิเศษ เสริมความแข็งแกร่งให้ห้องโดยสารในจุดที่ดูดซับแรงกระแทกได้ดีที่สุด และใหม่กับตัวถังแบบ “ซูเปอร์ สเปซแค็บ” (SUPER SPACECAB) บานแค็บเปิดได้(ตู้กับข้าว)
ขณะที่แกนพวงมาลัย และแป้นเบรกแบบยุบตัวได้ เข็มขัดนิรภัยแบบมีกลไกดึงกลับอัตโนมัติ (PRETENSIONER SAFETY BELTS) ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (AUTO DOOR-LOCK) เมื่อรถวิ่งถึงความเร็วประมาณ 20-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และระบบป้องกันกระจกหนีบ (WINDOW JAM PROTECTION) ด้านคนขับ
นอกจากนี้ อีซูซุยังจัดรุ่นสปอร์ตออฟโรด “ดีแมคซ์ วี-ครอส” (D-Max V-Cross) ขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อ ตอบสนองชีวิตสไตล์ “ACTIVE ADVENTURE” พร้อมลุยได้กับทุกสภาวะด้วย “TERRAIN COMMAND” ปรับโหมดขับขี่ได้ตามใจสั่ง ทั้ง 4 ล้อ และ 2 ล้อ ปฏิวัติช่วงล่างใหม่ สู่สมรรถนะออฟโรดขนานแท้ ด้วยระยะยืดช่วงล้อที่สูงพิเศษ ลุยสะใจทุกสภาวะ แต่นุ่มนวลน่าขับตามแบบฉบับอีซูซุ ด้วยช่วงล่างหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริง ผสานช่วงล่างหลังแบบ OVER SLUNG แหนบเหนือเพลาขนาดยาวพิเศษ (LONG SPAN)
ราคา อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่
รุ่น | ราคา |
V-Cross 2 ประตู | 732,000 - 813,000 |
V-Cross 4 ประตู | 808,000 - 994,000 |
Hi-Lander 2 ประตู | 658,000 - 778,000 |
Hi-Lander 4 ประตู | 738,000 - 922,000 |
Cab4 | 635,000 - 707,000 |
Spacecab | 562,000 - 671,000 |
Spark | 465,000 - 535,000 |
เหนืออื่นใดเพื่อเป็นการแก้ปัญหาเรื่องศักยภาพการผลิต กลุ่มอีซูซุในประเทศไทยยังลงทุนสร้างโรงงงานผลิตรถปิกอัพแห่งใหม่เพื่อเพิ่ม กำลังการผลิตให้สูงขึ้น ด้วยเงินลงทุนรวม 6,500 ล้านบาท เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดรถยนต์ในเมืองไทย และความต้องการด้านการส่งออกที่เพิ่มขึ้น
โดยโรงงานแห่งใหม่นี้จะสร้าง ขึ้นในพื้นที่ของโรงงานผลิตรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ของบริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตั้งอยู่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ โดยมีแผนที่จะเริ่มเปิดดำเนินการในช่วงเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2555 และเมื่อรวมกับกำลังการผลิตของโรงงานเดิมแล้วจะสามารถผลิตรถปิกอัพ รวมทั้งแบบ CKD ได้มากกว่า 4 แสนคันต่อปี
No comments:
Post a Comment