Mitsubishi Proudia Dignity |
อย่างไรก็ตาม งานนี้อาจจะเหนื่อยกันหน่อย เพราะ M Series ของอินฟินิตี้นอกจากจะขายในชื่อของมิตซูบิชิแล้ว ทางนิสสันเองก็ยังจับเอาเข้ามาขายด้วย โดยเป็นการปัดฝุ่นนำชื่อซีม่า (Cima) กลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากที่หายไปจากตลาดประมาณ 2 ปี ซึ่งแต่เดิมซีม่าถือเป็นรถยนต์ระดับหรูของนิสสันที่ขายอยู่ในตลาดระหว่างปี 1988-2010นั่นเท่ากับว่าอินฟินิตี้ M Series ต้องแปะทั้งแบรนด์นิสสัน ในชื่อซีม่า และแบรนด์มิตซูบิชิในชื่อ พราวเดีย และดิกนิตี้ ทำตลาดในญี่ปุ่น เพียงแต่ซีม่าที่กลับมาทำตลาดในญี่ปุ่นนั้นจะมากับรุ่นไฮบริดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ความจริงแล้วทั้ง 2 รุ่นเป็นคันเดียวกัน แต่ต่างกันที่สเปกและความหรู โดยรุ่นดิกนิตี้จะมีระยะฐานล้อยาวขึ้นอีก 150 มิลลิเมตร และเพียบพร้อมด้วยความหรูหรามากกว่า รวมถึงมีเครื่องยนต์เดียวทำตลาด คือ ไฮบริด ซึ่งเป็นการผสมผสานการทำงานระหว่างขุมพลังเบนซินวี6 3500 ซีซี กับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้มีกำลังสูงสุดอยู่ที่ 364 แรงม้าขณะที่พราวเดีย ซึ่งเป็นการผสมคำระหว่าง Proud กับ Diamond มาพร้อมกับระยะฐานล้อที่สั้นกว่า กระจังหน้ามีการเปลี่ยนลวดลาย และเป็นรุ่นที่มีสเปกตำกว่าดิกนิตี้ เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ก็มี 2 แบบและเป็นเบนซินล้วนๆ คือ วี6 2500 ซีซี 225 แรงม้า สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และวี6 3700 ซีซี 333 แรงม้า สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ 4 ล้อตลอดเวลา
มีการเปิดเผยว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มิตซูบิชิทำตลาดรถยนต์ระดับหรู เพราะในช่วงปี 1999-2001 สมัยที่ยังเป็นพันธมิตรกับฮุนได มิตซูบิชิเคยนำรถยนต์หรูของค่ายนี้อย่างอีคุส/เซ็นเทนเนี่ยล (Equus/Centennial) มารีแบรนด์ขายด้วยเช่นกันกับชื่อดิกนิตี้ ส่วนพราวเดียก็เป็นรถยนต์ระดับหรูรุ่นเล็กลงมา
ทั้ง 2 รุ่นนี้ขายในญี่ปุ่นเท่านั้น โดยมีการตั้งราคาเอาไว้ที่ 4.022 ล้านเยน หรือ 1.6 ล้านบาท สำหรับรุ่นเล็กสุดของพราวเดีย ไปจนถึงรุ่นสูงสุดของดิกนิตี้แบบ VIP ซึ่งอยู่ที่ 8.4 ล้านเยน หรือ 3.36 ล้านบาท โดยถือว่ามีราคาไม่แตกต่างกับซีม่าของนิสสันมากนัก
No comments:
Post a Comment