Wednesday, August 24, 2011

New Toyota Camry อวดโฉมแล้ว

new camry
โตโยต้าจัดการเผยโฉมคันจริงของคัมรี่ใหม่ออกมาแล้ว พร้อมบุกตลาดรถยนต์ครอบครัวในกลุ่ม D-Segment ของสหรัฐอเมริกา

สำหรับคัมรี่ใหม่ถือเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญของโตโยต้า โดยทำตลาดมาตั้งแต่ปี 1983 และปัจจุบันมียอดขายสะสมมากกว่า 15 ล้านคัน ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในตลาดอเมริกา คัมรี่ครองความเป็นหนึ่งในด้านยอดขายสลับกับฮอนด้า แอคคอร์ดมาโดยตลอด


ดังนั้น การเปิดตัวครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์คลาสนี้ของโตโยต้าได้เป็นอย่างดี และช่วยรักษาความเป็นเบอร์ 1 ในตลาด หลังจากที่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยคู่แข่งอย่างฮุนได โซนาตาทำยอดขายต่อเดือนแซงหน้าไปได้ ขณะที่ยอดขายรวมช่วงครึ่งปีฮุนไดก็ทำตัวเลขไล่บี้ขึ้นมาหายใจรดต้นคอ

รุ่นใหม่ซึ่งเป็นเจนเนอเรชัน ที่ 7 จะมีขายทั้งเครื่องยนต์ธรรมดา และตัวไฮบริดเหมือนกับรุ่นที่แล้ว พร้อมกับมีการส่งเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแวดวงมอเตอร์สปอร์ตเหมือนกับรุ่น ที่แล้ว ซึ่งโตโยต้าทำเป็นตัวแข่ง NASCAR โดยในรุ่นใหม่อุ่นเครื่องก่อนด้วยการแต่งเป็น Pace Car สำหรับรายการ Daytona 500 เพื่อเป็นการโปรโมตตัวรถไปในตัว


ภายใน Camry
  
ตัวถังมากับซีดาน 4 ประตูมีความยาว 4,805 มิลลิเมตร กว้าง 1,821 มิลลิเมตร สูง 1,470 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,776 มิลลิเมตร เครื่องยนต์ที่ทำตลาดก็มีทั้ง 2 แบบ คือ เบนซิน ซึ่งมี 2 ทางเลือกกับบล็อกใหม่ 4 สูบ 2,500 ซีซี ทวิ นแคม 16 วาล์ว ซึ่งเข้ามาแทนที่รหัส AZ มีกำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และ 173 แรงม้าสำหรับรุ่นที่เป็นมาตรฐานไอเสียต่ำ หรือ PZEV ส่วนแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 23.5 กก.-ม.

อีกรุ่นเป็นตัวแรงในแบบวี6 ทวินแคม 24 วาล์ว 3,500 ซีซี 268 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 34.2 กก.-ม. ที่ 4,700 รอบ/นาที โดยทั้ง 2 รุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 จังหวะที่มีอัตราทดเกียร์ 1-6 เหมือนกัน แต่อัตราทดเฟืองท้ายต่างกัน



สำหรับใครที่ชอบความประหยัดน้ำมันก็ต้องรุ่นไฮบริด ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงด้วย เพราะว่าเครื่องยนต์ต้นกำลังไม่ใช่รหัส AZ 2,400 ซีซีอีกต่อไป แต่เป็นขุมพลังใหม่ 2,500 ซีซี จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า รีดกำลังออกมารวมกันได้เกือบๆ 200 แรงม้า โดยมีอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 7.6 วินาที และมีความประหยัดสำหรับการขับโดยเฉลี่ยที่ 16 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนโหมด EV ก็มีเหมือนกัน ขับได้ระยะทางสูงสุด 2.5 กิโลเมตร (ในกรณีที่แบตเตอรี่ชาร์จจนเต็ม) ด้วยความเร็วไม่เกิน 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ส่วนของระบบช่วงล่างเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทที่ด้านหน้า และดูอัลลิงค์ที่ด้านหลังเหมือนกับรุ่นที่แล้ว ส่วนล้อแม็กติดรถก็แตกต่างกันไปแต่ละรุ่นย่อย ในรุ่น 4 สูบก็มีทั้ง 16 และ 17 นิ้ว ส่วนรุ่นวี6 มีทั้ง 17 และ 18 นิ้วเพื่อความสปอร์ต


ในสหรัฐอเมริกาเปิดตัวแล้ว และจะเริ่มขายในช่วงปลายปีนี้ ส่วนบ้านเราคาดว่าคงจะรอกันอีกไม่นาน ประมาณปีหน้าน่าจะได้สัมผัสกันอย่างแน่นอน


Camry สีต่างๆ


: manager.co.th

Tuesday, August 16, 2011

ปรับโฉม Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 545,000-695,000 บาท

ชื่อรุ่นของแฮตช์แบค 5 ประตู คือ “มาสด้า2 สปอร์ตใหม่”
ค่ายมาสด้าเปิดเกมรุกตลาดรถเก๋งเล็กเต็มสูบ เตรียมกระตุ้นตลาดบี-คาร์ ระลอกใหญ่ ปรับโฉมมาสด้า 2 สร้างความสดใหม่ทุกรุ่น พร้อมสร้างความแตกต่างด้วยการเปลี่ยนชื่อรุ่น สำหรับแฮตช์แบ็ก 5 ประตู “มาสด้า 2 สปอร์ตใหม่” และรุ่นซีดาน 4 ประตู “มาสด้า 2 เอลิแกนซ์ใหม่” หวังเพิ่มเป้าทะลุ 40,000 คันต่อปี ด้วยราคาเริ่มต้นโฉมใหม่ 545,000-695,000 บาท

โชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากการเปิดตัวมาสด้า2 สปอร์ตซิตี้คาร์ ส่งผลให้มาสด้ามียอดขายพุ่งสูงขึ้นชนิดก้าวกระโดดในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ด้วยยอดขายรวมสูงถึง 35,147 คัน ด้วยอัตราการเติบโตสูงกว่า 165% เมื่อเทียบกับปี 2552 และสำหรับปีนี้ ผ่านมาเพียง 7 เดือน สามารถทำยอดขายสูงถึง 23,963 คัน ซึ่งเท่ากับมีอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 20% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ยังเตรียมเดินหน้ารุกตลาดต่อเนื่อง โดย เฉพาะรถมาสด้า2 ใหม่ รุ่นปรับโฉมปี 2011 ด้วยการใส่อุปกรณ์เสริมความเป็นสปอร์ตเข้าไปอย่างครบครันทุกรุ่น พร้อมดีไซน์ที่โดดเด่น รวมทั้งสมรรถนะในแบบซูม-ซูม ตั้งแต่รุ่นล่างสุด ยันรุ่นท็อปสุด มั่นใจตลาดรถยนต์ปีนี้เติบโตสูงขึ้น พร้อมประกาศปรับเป้าจากเดิมที่คาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ประมาณ 38,500 คัน เพิ่มขึ้นมากกว่า 40,000 คัน
สำหรับรุ่นซีดาน 4 ประตู คือ“มาสด้า2 เอลิแกนซ์ใหม่”
“ปัจจุบันเรามียอดจำหน่ายมาสด้า 2 ไปแล้วมากกว่า 40,000 คันนับตั้งแต่เปิดตัวเป็นต้นมา และรถมาสด้า 2 ก็ช่วยส่งให้ยอดขายและภาพลักษณ์ของมาสด้าในประเทศไทยแข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างโชว์รูมทราฟฟิกให้กับดีลเลอร์เป็นอย่างมาก สำหรับการเปิดตัวมาสด้า 2 รุ่นปรับโฉมใหม่ 2011 ในครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้ยอดขายของมาสด้าเติบโตและครองใจผู้บริโภคในกลุ่มรถยนต์นั่ง โดยในส่วนของมาสด้า2 จะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ 26,000 คันได้ในสิ้นปีนี้ตามแผนการที่วางไว้ และจะช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของมาสด้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น” โชอิชิ ยูกิ กล่าว
 สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวเสริมว่า สำหรับการเปิดตัวมาสด้า2 รุ่นปรับโฉมใหม่ปี 2011 ครั้งนี้ มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์การตลาดใหม่และแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้ง 2 รุ่น โดย รุ่นแฮตช์แบ็ก 5 ประตู จะใช้ชื่อรุ่นว่า “New Mazda2 Sports” พร้อมสโลแกน “สตาร์ทชีวิตอิสระ...กับตัวตนที่ท้าทาย” ส่วนรุ่นซีดาน 4 ประตู จะใช้ชื่อรุ่นว่า “New Mazda 2 Elegance” ด้วยสโลแกน “หรูมีสไตล์...ดีไซน์ชีวิตได้อย่างใจ”


สำหรับการปรับโฉมรถยนต์นั่งสปอร์ต มาสด้า2 ใหม่ ในครั้งนี้ มาสด้าได้เพิ่มรูปลักษณ์ความสปอร์ตหรูในรุ่นซีดาน 4 ประตู ให้เป็นแบบเดียวกับรุ่นแฮตช์แบ็ก 5 ประตู ตัวท็อปสุด ที่มาพร้อมกระจังหน้า และกันชนหน้าใหม่ พร้อมไฟตัดหมอกที่ให้ความสปอร์ตหรู และยังเสริมหล่อด้วยชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน ทั้งกระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่ สเกิร์ตข้าง สปอยเลอร์หลัง และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ในรุ่นรองท็อป พร้อม เปลี่ยนเป็นล้ออัลลอยพร้อมยางขอบ 15 นิ้ว ในรุ่นล่างทั้งสองรุ่น กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้าทุกรุ่น เสริมความปลอดภัยมากยิ่งด้วยเบรกเอบีเอส และถุงลมนิรภัยคู่หน้าทุกรุ่น พร้อมกุญแจรีโมทแบบพับเก็บได้ทุกรุ่น เพิ่มความสนุกสนานเพลิดเพลินด้วยเครื่องเล่น DVD/CD/MP3 ระบบสัมผัส ด้วยจอขนาดใหญ่ 7 นิ้ว พร้อมเชื่อมโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth เชื่อมต่อ USB และ SD Card


ด้านราคาจำหน่ายรถยนต์นั่ง สปอร์ตมาสด้า2 รุ่นปรับโฉมใหม่ปี 2011 เกียร์ธรรมดา ทั้งรุ่นสปอร์ต และเอลิแกนซ์ เครื่องยนต์ขนาด 1500 ซีซี เริ่มต้น 545,000 บาท ส่วนรุ่นท็อปสุดราคาเท่ากันทั้งสองรุ่น คือ 695,000 บาท

รุ่น Elegance Sedan 4 ประตูเครื่องยนต์ราคาจำหน่าย
Mazda2 Elegance Groove MTMZR 1,500cc.545,000 บาท
Mazda2 Elegance Groove ATMZR 1,500cc.574,000 บาท
Mazda2 Elegance SpiritMZR 1,500cc.640,000 บาท
Mazda2 Elegance MaxxMZR 1,500cc.695,000 บาท
รุ่น Sports Hatchback 5 ประตูเครื่องยนต์ราคาจำหน่าย
New Mazda2 Groove Sports MTMZR 1,500cc545,000 บาท
New Mazda 2 Groove Sports ATMZR 1,500cc580,000 บาท
New Mazda 2 Sports SpiritMZR 1,500cc645,000 บาท
New Mazda 2 Sports MaxxMZR 1,500cc695,000 บาท

manager.co.th

Wednesday, August 3, 2011

Benz SLK 200 Sports AMG

หลังโดน “เกรย์มาร์เก็ต” กระหน่ำไม่ไว้หน้า บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ย่อมอยู่เฉยไม่ได้ ล่าสุดประกาศเปิดรับจองสปอร์ตโรดสเตอร์รุ่นดัง SLK 200 BlueEFFICIENCY Sports AMG พร้อมย้ำว่าเป็นการขายจากตัวแทนอย่างเป็นทางการ สนนราคา 4.399 ล้านบาท
Benz SLK 200 Sports AMG
สำหรับเจเนอเรชันที่สามของ SLK เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เคยนำรุ่น SLK 350 BlueEFFICIENCY มาเปิดตัวครั้งแรกในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2011 ที่ผ่านมา ซึ่งรุ่นนี้พกขุมพลัง วี6 ขนาด 3.5 ลิตร 306 แรงม้า ทำให้ราคาโดดไปถึง 7.399 ล้านบาท ซึ่งค่ายดาวสามแฉกก็ไม่ได้หวังยอดขายมากนัก

ส่วนSLK 200 มาพร้อมราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย(กว่า) จึงถือเป็นตัวขายหลักของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ขณะเดียวกันยังมาพร้อมชุดแต่ง AMG Sports package ซึ่งประกอบด้วย กันชนด้านหน้า-หลังและสเกิร์ตด้านข้าง ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตแบบ 5 ก้านจาก AMG ขนาด 18 นิ้ว กรอบไฟหน้าและไฟท้ายรมดำ เบาะหนังลายแนวตั้งที่ตัดด้วยการเดินด้ายสีตัดกัน และระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Gearshift Paddles)


รวมถึงช่วงล่างสปอร์ต หลังคาแข็งพับได้สีเดียวกับตัวรถ Vario Roof ที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า Electrohydraulic และครั้งแรกของโลกด้วย MAGIC SKY CONTROL ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนความเข้ม-ใสของกระจกหลังคาแบบ Panoramaได้ทันทีเพียงปลายนิ้วสัมผัส (เป็นออปชันพิเศษ)


เมอร์เซเดส-เบนซ์ SLK 200 BlueEFFICIENCY Sports AMG ใช้เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบขนาด 1.8 ลิตร 184 แรงม้า ประกบเกียร์อัตโนมัติ7 จังหวะ (7G-TRONIC PLUS) อัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม.ใช้เวลา 7.0 วินาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 6.1 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กม. และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 142 กรัมต่อกิโลเมตร

มอร์เซเดส-เบนซ์ SLK 200 โฉมใหม่มาพร้อมกับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยต่างๆ ตลอดจนอุปกรณ์แบบครบครันที่ได้มาตรฐาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานอำนวยความสะดวกอย่าง KEYLESS-GO และระบบเสียงรอบทิศทางระดับไฮเอนด์อย่าง Harman/Kardon LOGIC7


เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ตั้งราคาขายSLK200 BlueEFFICIENCY Sports AMG เอาไว้ 4.399 ล้านบาท





: manager.co.th

Camry Hybrid Extremo New

Camry Hybrid Extremo New
Camry Hybrid Extremo New โฉมสปอร์ตหรูในมาดชุดแต่งรอบคัน พร้อมผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,600 คัน สนนราคา 1,699,000 บาท

หลังจากที่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้แนะนำ “คัมรี ไฮบริด” รถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2552 และได้รับความสนใจจากผู้บริโภคชาวไทย ตอนนี้ได้เพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์ไฮบริด โดยแนะนำรถยนต์โตโยต้า “คัมรี ไฮบริด Extremo ใหม่” ในรูปลักษณ์ความหรูหราระดับผู้นำ พร้อมเพิ่มอารมณ์ความสปอร์ตด้วยชุดแต่งรอบคัน ผลิตจำนวนจำกัด เพียงแค่ 1,600 คัน เท่านั้น เคาะราคาอยู่ที่ 1,699,000 บาท (ราคารวมเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่ม)


สำหรับความโฉบเฉี่ยวที่เพิ่มเติมด้วยชุดแต่งรอบคัน สเกิร์ตกันชนหน้า ด้านข้าง กันชนหลัง และสปอยเลอร์หลัง ที่ได้รับการออกแบบอย่างมีสไตล์ พร้อมด้วยป้ายสัญลักษณ์ “HYBRID EXTREMO” ในด้านหลัง บ่งบอกถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวระดับผู้นำ และเสริมด้วยล้อแม็กขนาด 16 นิ้ว รมดำ พร้อมยางขนาด 215/60/R16 

ด้านระบบเครื่องเสียง พกพาเครื่องเล่น DVD 1แผ่น แบบหน้าจอสัมผัส ส่วนภายในหรูหรา สุขุม ด้วยโทนสีดำทั้งเบาะนั่ง แผงประตู คอนโซล พวงมาลัยลายไม้ และหัวเกียร์หุ้มหนัง โดยมีสีภายนอกให้เลือก 3 สี คือ สีฟ้า (Light Blue Mica), สีขาว (White Pearl) และ สีดำ ( Black Mica)




ในส่วนของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้ายังคงใช้ เครื่องเบนซิน Atkinson-Cycle รหัส 2AZ-FXE ขนาด 2.4 ลิตร ให้ แรงม้าสูงสุดรวมกันได้ 140 กิโลวัตต์ ที่ 6500 รอบต่อนาที ส่วนแรงบิดสูงสุดจากเครื่องยนต์ 187 นิวตันเมตรที่ 4400 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้า 270 นิวตันเมตรที่ 0-1500 รอบต่อนาที

ด้านความปลอดภัยติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า และด้านข้าง ระบบไฟหน้า HID สว่างชัดตลอดการเดินทาง แม้ขณะเข้าโค้งด้วยระบบปรับมุมลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ (AFS) ส่วนการควบคุมมีระบบจัดการรวมไดนามิคของตัวรถ (VDIM) ที่จะควบคุมการทำงานของระบบเสริมความปลอดภัยต่างๆในรถยนต์ที่เคยทำงานแยกกัน ให้มาทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TRC) ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) รวมทั้งติดตั้งระบบเบรก ECB II หรือ Electronic Brake Control เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการเบรก และจะมีการชาร์จไฟกลับ เข้ามาเก็บไว้ที่แบตเตอรีไฮบริด นำพลังงานที่สูญเปล่ากลับมาใช้ประโยชน์อีกทางหนึ่ง




: manager.co.th

Popular Posts