BMW 3-Series โฉมใหม่ |
ที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าบี เอ็มดับเบิลยูเผยโฉมของซีรีส์ใหม่ที่จะใช้รหัส F30 ออกมาแล้วแล้วในโลกอินเตอร์เนตก่อนเปิดตัวจริงในดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ เดือนมกราคม 2012 และบุกตลาดระลอกแรกตามธรรมเนียมปฏิบัติด้วยรุ่นซี ดาน 4 ประตูที่มีความกว้างของล้อหน้าและหลังเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 37 และ 47 มิลลิเมตร เพื่อการทรงตัวที่ดีขึ้น แถมด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่มีการออกแบบโดยได้รับอิทธิพลมาจากรุ่นพี่อย่างซี รีส์ 5 และ 7
ในรุ่นนี้ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 6 ของซีรีส์ 3 นับจากรุ่นแรกเปิดตัวในปี 1975 ในรหัส E21, ตามด้วย E30, E36, E46 และที่เพิ่งตกรุ่นไป E90 ส่วนเรื่องการแยกตัวถังว่าซีรีส์ 3 จะมีแค่ซีดาน และสเตชันแวกอน ส่วนคูเป้และเปิดประทุนเปลี่ยนไปใช้ซีรีส์ 4 ตามที่เคยมีข่าวออกมานั้น ในตอนนี้ ทางบีเอ็มดับเบิลยูยังไม่ยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในแง่ของความสำคัญในเชิงการตลาดแล้ว ถือว่าซีรีส์ 3 มาถูกช่วงถูกเวลา และกลายเป็นความหวังในการช่วยดันให้ยอดของบีเอ็มดับเบิลยูในปี 2012 ให้ฉีกหนีคู่แข่งอย่างออดี้ และเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งผลผลิตคู่แข่งอย่างเอ4 และซี-คลาสยังเป็นแค่การไมเนอร์เชนจ์ โดยบีเอ็มดับเบิลยูเผยว่าด้วยแรงหนุนของทั้งซีรีส์ 1 ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี บวกกับซีรีส์ 3 ใหม่ซึ่งเป็นรถยนต์ยอดนิยมจะทำให้ค่ายใบพัดสีฟ้าโกยยอดขายอย่างแน่นอน
สำนักวิจัยในสหรัฐอเมริกาอย่าง IHS เผยว่า ยอดขายของซีรีส์ 3 ในปี 2012 น่าจะอยู่ที่ 448,600 คันหรือเพิ่มขึ้น 22% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2011 และตรงนี้จะช่วยทำให้ยอดขายของค่ายใบพัดสีฟ้าทะลุขึ้นมาอยู่ 1.47 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้นจากยอดที่คาดการณ์เอาไว้ในปี 2011 ถึง 9.3%
ทางด้านรายละเอียดทางวิศวกรรมนั้น ซีรีส์ 3 ใหม่จะมาพร้อมกับความทันสมัยในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่มีการปรับปรุงเครื่องยนต์ทั้งเบนซินและเทอร์โบดีเซลให้สะอาดขึ้น เช่น การติดตั้งเทคโนโลยี Stop&Go ซึ่งจะดับเครื่องยนต์เมื่อจอดติดอยู่กับที่ และจะมีเวอร์ชันไฮบริดแท้ๆ วางขายด้วยในปลายปี 2012
ขณะที่สมรรถนะในการขับสัมผัสได้จากระบบช่วงล่างที่ได้รับการ ปรับเซตมาเป็นอย่างดี บนพื้นฐานของเลย์เอาท์ตัวถังในแบบเครื่องยนต์วางด้านหน้าและขับเคลื่อนล้อ หลัง ซึ่งระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบ Double-Joint Strut และด้านหลังแบบยึด 5 จุด โดยที่ตัวถังแบบ 4 ประตูมีความยาวเพิ่มขึ้น 93 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อเพิ่มขึ้นอีก 50 มิลลิเมตร เป็น 2,810 มิลลิเมตร
เครื่องยนต์ที่ทำตลาดมีทั้งแบบ 4 สูบ และ 6 สูบเรียง โดยที่มีเครื่องยนต์ใหม่เป็นแบบเบนซิน 4 สูบ 2000 ซีซี และวางขายกับรุ่น 328i ซึ่งแต่เดิมตลาดรุ่นนี้จะเป็นของ 325i และ 330i ที่ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง 3000 ซีซี โดยขุมพลังบล็อกนี้ติดตั้งเทอร์โบแบบ Twin-Scroll, ระบบวาล์วแปรผัน VALVETRONIC และระบบหัวฉีดไดเร็กต์อินเจ็กชั่น รีดกำลังออกมาได้ 245 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบ/นาที มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 5.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ขณะที่รุ่น 335i ยังเร้าใจเช่นเคยด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบ 3000 ซีซี เทอร์โบคู่ ที่มีกำลังสูงสุด 306 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. ที่ 1,200-5,000 รอบ/นาที ใช้เวลา 5.5 วินาทีในการทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ส่วนใครที่ต้องการความประหยัดก็สัมผัสได้กับรุ่น 320d ขุมพลัง 4 สูบ 2000 ซีซี จ่ายน้ำมันด้วยแรงดันสูงในระดับ 2,000 บาร์ มีกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 38.7 กก.-ม. ที่ 1,750-2,750 รอบ/นาที และมีรุ่นพิเศษที่เรียกว่า EfficientDynamics Edition วางขายคู่กัน โดยลดกำลังลงมาอยู่ที่ 163 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แต่ลดการคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงมาอยู่ที่ 109 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร แทนที่จะเป็น 169 กรัมเหมือนกับรุ่นปกติ
สำหรับทางเลือกอื่นๆ ก็มีขาย แต่ต้องรออีกสักระยะอย่างรุ่น 320i ที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2000 ซีซี เทอร์โบรุ่นใหม่ มีกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ตามด้วยรุ่น 318d ลดกำลังของเครื่องยนต์ 2000 ซีซี ดีเซล ลงมาอยู่ที่ 143 แรงม้า และรุ่นประหยัดอย่าง 316d ที่มีกำลังหล่นลงเหลือ 116 แรงม้า ก็มีขายด้วยเช่นกัน แต่ต้องรอปลายปี 2012
หลังจากเปิดตัวแล้ว บีเอ็มดับเบิลยูพร้อมส่งซีรีส์ 3 ใหม่ ลุยตลาดยุโรปในเดือนกุมภาพันธ์ ส่วน ราคาน่าจะเริ่มต้นที่ 35,350 ยูโร หรือ 1.41 ล้านบาท แพงกว่ารุ่นเดิมเพียงเล็กน้อย ส่วนรุ่นท็อป 335i ราคาขยับขึ้นมาอยู่ที่ 43,600 ยูโร หรือ 1.74 ล้านบาท