Tuesday, January 17, 2012

Hyundai Tucson 2.0 Diesel Turbo Series 2012

Hyundai Tucson 2.0 Diesel Turbo
เปิดตัวกันไปแล้วในบ้านเราสำหรับฮุนได The New Hyundai Tucson หรือในบางกลุ่มก็อาจใช้ชื่อรุ่นว่า ix35 โดยการออกแบบในรุ่นนี้จะมีเครื่องยนต์ 2.0 2WD และ 2.0 4WD โดยฮุนไดจะ เน้นการออกแบบที่มีการบ่งบอกเป็นเอกลัษณ์เฉพาะตัว และอุปกรณ์ระดับพรีเมียม โดยคาดหวังว่าจะโดนใจผู้บริโภคที่มีความแตกต่างในไลฟ์สไตล์ และมีเอกลักษณ์ในแบบที่ไม่ต้องการตามใคร มาแบบนำเข้าทั้งคัน ออพชั่นเต็มพิกัด รุ่น2.0 2WD ราคา 1,791,000 บาท และรุ่น 2.0 4WD ราคา 1,895,500 บาทบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายรถยนต์ฮุนไดอย่างเป็นทางการ เปิดตัวรถนำเข้าจากเกาหลีทั้งคัน The New HYUNDAI TUCSON 2.0 2WD และ 4WD เจ้าของฉายา The Sexy SUV เป็นรถผลิตรุ่นแรกภายใต้แนวคิดการออกแบบที่เรียกว่า “Fluidic Sculpture” หรือปฏิมากรรมที่ลื่นไหลเหมือนสายน้ำ เราเองก็ได้เห็นตามโฆษณาต่างๆ แล้วมาดูกันว่าความร้อนแรงของรถยนต์จะสมชื่อที่ตั้งกันไว้หรือไม่สำหรับ Hyundai Tucson The sexy.


Hyundai ix35 จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 166 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 145 ปอนด์-ฟุต และเครื่องยนต์ดีเซล “R” 2.0 ลิตรที่มีให้เลือก 2 ขนาดกำลัง คือ เวอร์ชั่นแรงสูง 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 289 ปอนด์-ฟุต และเวอร์ชั่นพื้นฐาน 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 231 ปอนด์-ฟุต เครื่องยนต์เบนซินมีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 178 กรัม/กิโลเมตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ธรรมดาในขณะที่เครื่องยนต์ดีเซล อยู่ที่ 165 กรัม/กิโลเมตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ธรรมดา และ 158 กรัม/กิโลเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์ธรรมดา

เครื่องยนต์อีกรุ่นก็คือ เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 1.7 ลิตรใหม่ ที่ให้กำลังความเร็ว 115 แรงม้า และความแรงของแรงบิดสูงสุดที่ 188 ปอนด์-ฟุต โดยมีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 149 กรัม/กิโลเมตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ธรรมดา เมื่อมีการติดตั้งระบบ ISG Start-Stop

เครื่องยนต์เบนซิน GDI 1.6 ลิตร ที่ให้กำลัง 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 123 ปอนด์-ฟุต มีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 158 กรัม/กิโลเมตร และถ้าใช้ระบบ ISG Start-Stop จะอยู่ที่ 149 กรัม/กิโลเมตร เครื่องยนต์เบนซินพลังสูงรุ่นใหม่ขนาด 2.0 ลิตร DOHC พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ (D-CVVT) และ ระบบปรับระยะทางเดินไอดี (VIS) ช่วยเพิ่มความประหยัด ลดมลพิษและให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล เพื่อการเร่งแซง และ engine brake


ระบบความปลอดภัย

สำหรับในรุ่นนี้ Hyundai Tucson มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยเต็มคัน เริ่มด้วยระบบ Smart Key เปิดปิดประตูได้โดยไม่ต้องถือกุญแจ ปุ่มสตาร์ท (Start Button) ที่ทันสมัย อัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัย ทั้งก่อนชนและขณะชน เช่น กล้องส่องหลังช่วยจอดมีภาพปรากฏบนจอ LCD ที่กระจกมองหลัง เพื่อความปลอดภัยระบบรักษาเสถียรภาพ Electronic Stability Program (ESP) โช๊คอัพแบบ Amplitude Selective Damper (ASD) ให้ทั้งความนุ่มนวล และการทรงตัวที่ดี ระบบ Downhill Brake Control (DBC) ระบบป้องกันรถไหล Hill-start Assist Control (HAC) ระบบเบรค ABS ระบบกระจายแรงเบรค EBD และระบบเพิ่มแรงเบรคในภาวะฉุกเฉิน BA ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย ให้ความปลอดภัยสูงสุด

ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าหรือขับเคลื่อนทุกล้อได้ นอกจากนั้นยังมีระบบความปลอดภัย 2 ชนิดมาใช้กับรถ CUV หรือ SUV ขนาดเล็กรุ่นนี้ ซึ่งก็คือ ระบบ Hill Start Assist Control และ Downhill Brake Control ที่ช่วยในการไต่และลงพื้นที่ลาดชัน

Interior

ภายใน เบาะหนังแท้รอบคัน สี Conac Brown ให้ความหรูหราสไตล์ยุโรป ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกส่วน Dual Zone พร้อมระบบฟอกอากาศ Cluster Ionizer เครื่องเสียงคุณภาพสูง พร้อมลำโพง 6+1 ตัว รองรับการเชื่อมต่อทาง USB และ iPod พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียงและ Cruise Control Trip Computer ช่วยคำนวน เชื้อเพลิง และระยะทาง รวมทั้งข้อมูลการเดินทางอื่นๆ เบาะหลังพับแยกได้ 60:40 และปรับราบได้เพื่อบรรทุกสัมภาระได้อย่างสะดวก

Hyundai ได้เตรียมชุดเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลทั้งหมดในขณะที่เครื่อง ยนต์ที่แรงกว่าขนาด 2.0 ลิตร อย่าง “R” จะมี option เป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เพื่อที่จะทำให้การควบคุมการขับขี่ดีขึ้นและลดแรงกระแทก Hyundai ได้ใช้ระบบกันสะเทือนหลังแบบ multi-link ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหน้าใช้เหล็กค้ำโช้ค Macpherson

และด้วยฐานล้อยาว 2,640 มิลลิเมตร โดยยาวกว่าของ Tucson รุ่นปัจจุบันอยู่ 10 มิลลิเมตร โดยมีความยาวอยู่ที่ 4,410 มิลลิเมตร กว้าง 1,820 มิลลิเมตร ซึ่งยาวและกว้างกว่า Tucson รุ่นปัจจุบันอยู่ ถึง 85 และ 20 มิลลิเมตรจึงทำให้มีความจุห้องผู้โดยสารที่ทำให้โอ่โถ่งกว้างกว่า Tucson รุ่นปัจจุบัน แม้ว่าความสูงจะลดลงไป 20 มิลลิเมตร ก็ตาม

การออกแบบกล่องคอนโซลกลางมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเก็บของ ได้มากขึ้นโดยมีความจุ 6.2 ลิตร และความสูงของพื้นที่เก็บของด้านหลังก็มากขึ้น และเพื่ออำนวยความสะดวกภายในยังมีช่องใส่ของขนาดเล็กในบริเวณเดียวกันด้วย สัญลักษณ์ ECO ระหว่างมาตรวัดความเร็วและความเร็วรอบที่จะกระพริบเมื่อมีการเข้าเกียร์ใน จุดที่เหมาะสมซึ่งทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้น้ำมัน กล้องมองหลังแบบใหม่ที่ทำงานร่วมกับจอสีแสดงผลแบบ LED ขนาด 3.5 นิ้ว ที่ติดตั้งในกระจกมองหลัง ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ พวงมาลัยที่ติดตั้ง remote control ของเครื่องเสียง

New Chevrolet Captiva Diesel

New Chevrolet Captiva Diesel
แคปติวา วางดีเซล 2.0 ลิตร 163 แรงม้า บล็อกใหม่ปรับสมรรถนะให้แรงขึ้นแต่กินน้ำมันน้อยลง แบ่งขาย 3 รุ่นย่อย 1.395-1.699 ล้านบาท ส่วนค่ายรถเกาหลีนำเข้า“ทูซอน”เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร มาเซอร์ไพร์สเปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 อัดออปชันเพียบพร้อมขาย 1.69 ล้านบาท


โดยเครื่องยนต์ VCDi ดีเซลคอมมอนเรลไดเรคอินเจคชัน บล็อกใหม่แบบ4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตรที่ 1,750 - 2,750 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบปรับเปลี่ยนเกียร์ DSC (Driver Shift Control)

ภายใน
ในส่วนช่วงล่างของ แคปติวา ดีเซล ใหม่ ถูกปรับปรุงพวกลูกยางและจุดรองรับต่างๆ ให้นุ่มลง ขณะที่โช้คและสปริงแข็งขึ้น ส่งผลให้สมรรถนนะการเข้าโค้งดี ยึดเกาะถนนมั่นใจ ซึ่งการขับขี่และความสะดวกสบายในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล แทบไม่ต่างจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน โดยลูกค้าที่สนใจสามารถไปลองขับและจับจองเป็นเจ้าของได้แล้วที่โชว์รูมเชฟโร เลตทั่วประเทศ


นอกเหนือจากสมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้นแล้ว เชฟโรเลตยังจัดออปชัน หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน โดยรุ่นท็อป LTZ มีทั้งเบาะหนัง ด้านคนขับสามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง คอนโซลติดตั้งหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ตลอดจนบอกข้อมูลการขับขี่ ด้านพวงมาลัย 4 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่น ผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ รวมถึงระบบเครื่องเสียง และระบบปรับอากาศ

ขณะเดียวกันยังติดตั้งเบรกมือไฟฟ้า รวมถึงระบบอินโฟเทนเมนท์ เพียบพร้อมด้วยการแสดงข้อมูลของตัวรถ และความบันเทิงซึ่งได้รับการติดตั้งระบบเครื่องเสียงสามมิติ เน้นให้เสียงโอบล้อมผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างมีมิติ คมชัด และสมจริง ผ่านลำโพง 8 ตัว เชื่อมต่อด้วยระบบบลูทูธ USB และ AUX

สำหรับราคาเชฟโรเลต แคปติวา ดีเซล เริ่มต้นในรุ่น LSX 1.395ล้านบาท รุ่น LT ราคา 1.62 ล้านบาท และรุ่นLTZ 1.699 ล้านบาท (แคปติวา เครื่องยนต์เบนซิน 2.4ตัวท็อป LTZ ราคา 1.58 ล้านบาท)

Popular Posts