เชฟโรเลต เดินหน้าประกาศเปิดตัว “เทรลเบลเซอร์” รถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย ก่อนเผยโฉมสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ปลายเดือนนี้ โดยมาพร้อม 2 เครื่องยนต์ 2.5 และ 2.8 ลิตร และความสะดวกสบาย สมรรถนะที่รองรับทุกรูปแบบการใช้งาน ทั้งในเมืองและออฟโรด บวกกับความกว้างขวางภายใน ทำให้เทรลเบลเซอร์ โดดเด่นไม่แพ้คู่แข่ง
รถต้นแบบเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ได้มีการเผยโฉมที่งาน “ดูไบ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ในภูมิภาคตะวันออกกลางเมื่อปลายปีที่ผานมา โดยเชฟโรเลต เตรียมจำหน่ายเทรลเบลเซอร์ ใน 60 ประเทศทั่วโลก ส่วนเมืองไทยจะเริ่มต้นทำตลาดเดือนมิถุนายนนี้ นับเป็นการบุกตลาดรถเอนกประสงค์ (เซกเมนท์เอสยูวี-ดี SUV-D) ครั้งสำคัญของเชฟโรเลต ประเทศไทย
เทรลเบลเซอร์ ได้รับการพัฒนาพร้อมกับรถกระบะขนาดกลางรุ่นใหม่อย่างเชฟโรเลต โคโลราโด โดยฝีมือทีมวิศวกรชั้นนำของจีเอ็ม บราซิล ซึ่งใช้ความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์รถเอนกประสงค์บนโครงสร้างรถกระบะ และในระหว่างขั้นตอนการพัฒนาเทรลเบลเซอร์และโคโลราโด ทีมวิศวกรของจีเอ็มได้เดินทางมาอาศัยในประเทศไทยเพื่อศึกษาตลาดรถเอนกประสงค์ และรถกระบะที่มีการแข่งขันกันสูงมากในประเทศไทยพร้อมกับการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมการใช้รถและรูปแบบการขับขี่ของคนไทยซึ่งข้อมูลที่ได้รับนั้น นำไปสู่การพัฒนาเทรลเบลเซอร์
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของ เทรลเบลเซอร์ สร้างสรรค์โดยศูนย์การออกแบบของจีเอ็ม ในทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเซาไกตานูดูซูล ประเทศบราซิล โดยได้รับการถ่ายทอดดีเอ็นเอการออกแบบของเชฟโรเลตในระดับโลก เช่นเดียวกับโคโลราโด
ดีไซน์ภายนอกใช้แนวคิด “ตัวถังอันปราดเปรียวบนฐานล้อกว้าง” (body in-wheels out) ซึ่งเอื้อต่อการขับขึ้นหรือลงเนินลาดชันสูง ฝากระโปรงหน้าเน้นให้ดูบึกบึน มีสันคม ทำให้เทรลเบลเซอร์ เต็มเปี่ยมด้วยความแข็งแกร่งสไตล์รถเอนกประสงค์ กรอบไฟหน้าโปรเจคเตอร์ อยู่ในตำแหน่งด้านล่างแนบชิดฝากระโปรงเพิ่มความดุดันให้แก่ด้านหน้ารถอย่างชัดเจน
กระจังหน้าสองชั้น ดูอัลพอร์ท เอกลักษณ์ของเชฟโรเลต ถูกออกแบบลวดลายกระจังให้เป็นแบบสามมิติ ดึงดูดสายตาในทุกมุมมอง ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยอลูมิเนียม ที่กันชนหน้า เส้นสายด้านข้าง ฝาประตูท้าย และราวหลังคา
ขณะที่ภายในห้องโดยสาร เน้นความกว้างขวาง รองรับทุกการใช้งาน และการตกแต่งที่ประณีตในทุกมุมมอง แผงคอนโซลเน้นความกลมกลืน ด้วยสไตล์ดูอัลค็อกพิทเอกลักษณ์ของเชฟโรเลต เพียบพร้อมทั้งความหรูหรา ผสานกับความสมบุกสมบันในแบบรถเอนกประสงค์ที่รองรับทุกการใช้งาน ห้องโดยสารของเทรลเบลเซอร์ รองรับผู้โดยสารด้วยเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง โดยสามารถพับเบาะทั้งสามแถวได้เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ และมีพื้นที่บริเวณที่นั่งแถวที่สามมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน
รายละเอียดภายในห้องโดยสาร ยังประกอบด้วย เบาะที่นั่งแถวที่สองพับแบบ 60/40 สามารถพับให้แบนราบได้ เพียงการดึงห่วงให้เบาะพับตามแรงดึงดูด และสามารถปรับเอนได้ 6 องศา พร้อมที่วางแขนและช่องวางแก้วน้ำ เบาะที่นั่งแถวที่สามพับแบบ 50/50 สามารถพับให้แบนราบได้ พร้อมช่องเก็บของตรงกลาง เบาะแถวหน้าสุดข้างคนขับ พับเอนหลังให้แบนราบได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระสูงสุด รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ ยูเอสบี และ Auxiliar
การตกแต่งในห้องโดยสาร เน้นโทนสีที่ตัดกันอย่างลงตัว เบาะหนังสีอ่อน คอนโซลลายไม้สีเข้ม และโครเมียม ใช้วัสดุที่มีลายบนพื้นผิวเพิ่มความรู้สึกหรูหราทุกการสัมผัส ช่องเก็บของมากมายทั่วห้องโดยสาร ซึ่งรวมถึงช่องเก็บของมีค่าบริเวณคอนโซลกลาง และช่องเก็บของขนาดใหญ่สองช่องบริเวณคอนโซลหน้า
ด้านเครื่องยนต์ เทรลเบลเซอร์ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังดูราแม็กซ์ ดีเซลเทอร์โบรุ่นใหม่ล่าสุดของจีเอ็ม ขนาด 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตร เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่เหนือชั้น ผสมผสานพละกำลัง สมรรถนะ และความประหยัดได้อย่างลงตัว โดยแบ่งออกเป็นสองรุ่นย่อย คือรุ่นกลาง LT และรุ่นสูงสุดLTZ
สำหรับเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ให้พละกำลังและความประหยัดสูงสุดในทุกรอบเครื่องยนต์ด้วยเทอร์โบแปรผัน พร้อมให้ความนุ่มนวลยิ่งขึ้นด้วยเพลาถ่วงสมดุล ทั้งนี้ ทั้งสองเครื่องยนต์ได้รับการออกแบบให้มีความทนทาน รองรับทุกการใช้งาน และมีค่าดูแลรักษาต่ำกว่า โดยออกแบบพัฒนามาให้มีความทนทานใช้งานได้กว่า 240,000 กิโลเมตร ระบบส่งกำลังมีให้เลือก 2 รูปแบบ คือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 6 สปีดควบคุมด้วยอิเลกทรอนิคส์
ขุมพลัง 2.8 ลิตรให้พละกำลังสูงสุด 180แรงม้า (132กิโลวัตต์) และแรงบิด 470นิวตันเมตร (346ฟุต-ปอนด์) สำหรับเกียร์อัตโนมัติ 6สปีด และแรงบิด440นิวตันเมตร(324 ฟุต-ปอนด์)สำหรับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ขณะที่ขุมพลัง 2.5ลิตร มีพละกำลังสูงสุด 150แรงม้า (110 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 350นิวตันเมตร (258 ฟุต-ปอนด์)
ด้วยโครงสร้างวิศวกรรมแบบตัวถังบนแชสซีส์(body-on-frame) เทรลเบลเซอร์ พร้อมโลดแล่นทุกเส้นทางทั้งบนถนนธรรมดา และเส้นทางออฟโรด ระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบอิสระ 5 ลิงค์ เหนือชั้นกว่ารถในระดับเดียวกัน และยกระดับมาตรฐานรถเอนกประสงค์ไปอีกขั้น ขณะที่คอยล์สปริงที่ติดตั้งอยู่ที่ล้อทั้งสี่เพิ่มความนุ่มนวล และดูดซับแรงกระแทกได้ดีกว่า โดยเฉพาะบนทางออฟโรด และการขับขี่บนถนนทั่วไปที่สะดวกสบายเหมือนกับรถยนต์นั่ง
เทรลเบลเซอร์ เพียบพร้อมด้วยระบบความปลอดภัย ป้องกันอุบัติเหตุทุกสถานการณ์ ซึ่งประกอบด้วย
• ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Control)
• ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก(Anti-lock Braking System)
• ระบบช่วยเบรกไฮโดรลิก (Hydraulic Brake Assist)
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและป้องกันการลื่นไถล (Traction Control)
• ระบบกระจายสัดส่วนแรงเบรก - ครั้งแรกในรถระดับนี้ (Dynamic Rear Brake Proportioning)
• ระบบกระจายแรงเบรกอิเลกทรอนิคส์ (Electronic Brake-force Distribution)
• ระบบช่วยเบรกกระทันหัน (Panic Brake Assist)
• ระบบควบคุมแรงบิดเครื่องยนต์ป้องกันการลื่นไถล (Engine Drag Control)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เมื่อลงทางลาดชัน (Hill Descent Control)
• ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน (Hill Start Assist)
• ถุงลมนิรภัย SRSด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า (Driver and Occupant Air Bag Protection)
เทรลเบลเซอร์ มาพร้อมกับสีสันตัวถัง 7สี คือสีขาว Summit White สีดำ Black Sapphire สีแดง Sizzle Red สีน้ำตาล Auburn Brown สีน้ำเงิน Blue Mountain สีเทา Royal Gray และสีเงิน Switchblade Silver ส่วนราคานั้นจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในงาน มอเตอร์โชว์ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม-8 เมษายน นี้
“เป้าหมายของเราในการพัฒนาเทรลเบลเซอร์ คือ การสร้างรถเอนกประสงค์ที่มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม เหนือกว่ารถเอนกประสงค์ในตลาด” นาย แบรด เมอร์เคล ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์รถกระบะ และรถเอนกประสงค์ จีเอ็มโกลเบิล กล่าว