วันนี้ (21 มิ.ย.) บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวยนตรกรรมแห่งตำนานสปอร์ต โรดสเตอร์เจเนอเรชันที่ 6 “The new SL-Class” รุ่น SL 350 และ SL 500 BlueEFFICIENCY Sports AMG Roadster ชูความโดดเด่นด้านการออกแบบลดน้ำหนักตัวรถจากโครงสร้างอะลูมิเนียม ภายใต้สมญานาม “Super Light” ผสมผสานการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ BlueDIRECT อันทรงพลังและประหยัดเชื้อเพลิงได้ดียิ่งขึ้น เปิดราคาจำหน่าย 14.49 ล้านบาท สำหรับ SL 500 BlueEFFICIENCY Sports AMG Roadster (รุ่น SL 350 ราคายังไม่เปิดเผย)
เมอร์เซเดส-เบนซ์ SL รุ่นใหม่ยึดถือความหมายของตัวอักษร “SL” ซึ่งย่อมาจาก “super, lightweight” โดยการลดน้ำหนักของตัวรถเป็นคุณลักษณะการออกแบบที่เด่นชัด และนับเป็นครั้งแรกที่เมอร์เซเดส-เบนซ์นำตัวถังรถที่เป็นอะลูมิเนียมทั้งคัน มาใช้กับรถที่ผลิตเพื่อการจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยมีชิ้นส่วนเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่ใช้วัสดุชนิดอื่น
นอกจากนั้น ทีมผู้ออกแบบยังนำแมกนีเซียมซึ่งยิ่งมีน้ำหนักเบายิ่งขึ้นมาใช้เป็นชิ้นส่วน ปิดด้านหลังถังน้ำมัน และเสา A-Pillar เป็นเหล็กกล้าที่มีความแกร่งสูง เพื่อประสิทธิภาพในเรื่องความปลอดภัย
ขณะเดียวกัน น้ำหนักที่ลดลงนำมาซึ่งความปราดเปรียวที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีกว่าเดิม โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ SL รุ่น SL 500 ใหม่ (1,785 กก.) มีน้ำหนักน้อยกว่ารุ่นเดิมถึง 125 กิโลกรัม และ SL 350 ใหม่ (1,685 กก.) น้ำหนักตัวรถลดลงถึง 140 กิโลกรัม
ในขณะที่ SL 350 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ BlueDIRECT V6 ขนาด 3498 ซีซี ให้กำลังสูงสุด225 กิโลวัตต์ หรือ 306 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดที่ 370 นิวตัน-เมตร ที่ 3,500-5,250 รอบต่อนาที สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้วยเวลา 5.9 วินาที มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 6.8-7.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 13.3-14.7 กิโลเมตรต่อลิตร หรือลดลงจากเดิม 30%
โดยทั้งสองรุ่นถ่ายทอดกำลัง ผ่านเกียร์อัตโนมัติเดินหน้าแบบ 7 จังหวะ 7G-TRONIC PLUS พร้อมเพิ่มความประหยัดด้วยฟังก์ชัน ECO Start/Stop ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม โดยมีความยาวตัวรถที่ 4,617 มม. (เพิ่มขึ้น 50 มม.) ความกว้างที่ 1,877 มม. (กว้างขึ้น 57 มม.) เส้นสายภายในตกแต่งด้วยลายไม้เชื่อมยาวจากคอนโซลกลางไปถึงแผงหน้าปัดและต่อ เนื่องจนไปถึงประตู พร้อมด้วยไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Ambient Lighting) ที่สามารถปรับได้ถึง 3 เฉดสี คือ สีขาว ส้ม และแดง โดยเลือกเปลี่ยนสีที่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน นอกจากนั้นยังมีระบบมัลติมีเดีย COMAND Online ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ความบันเทิงต่างๆ รวมถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกด้วย
รูปลักษณ์ภายนอกสะท้อนถึงความหรูหรา สง่างาม เริ่มตั้งแต่กระโปรงหน้าที่ยาวรับกับห้องโดยสาร ซึ่งอยู่ในตำแหน่งค่อนไปทางด้านหลัง พร้อมเสริมความงดงามสมบูรณ์แบบด้วยส่วนท้ายของรถที่กว้างและดูทรงพลัง บวกกับเส้นสายที่รับกับทรวดทรงด้านข้างดูแข็งแกร่งทรงพลังแต่แฝงไว้ด้วยความ สุขุม ต่อด้วยช่องระบายอากาศและครีบโครเมียม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรถรุ่นนี้ สอดรับกับกระจังหน้าแบบรถสปอร์ตคลาสสิกในสไตล์ร่วมสมัย
ส่วนชุดโคมไฟหน้าแบบไบซีนอน ที่ลาดเอียงดูปราดเปรียววางทอดยาวไปสู่ด้านข้าง มาคู่กับระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (Intelligent Light System - ILS) โดยมีฟังก์ชั่นการส่องสว่างถึง 5 แบบ พร้อมด้วยไฟเลี้ยวซ้าย-ขวาที่เด่นสะดุดตา และไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED นอกจาก นั้นยังโดดเด่นด้วยระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ (HANDS-FREE ACCESS) เพียงยื่นปลายเท้าไปใต้กันชนหลัง และหลังคากระจกแบบ Panoramic Vario-roof เปิด-ปิดหลังคาโดยใช้เวลาเพียง 20 วินาที โดยมาพร้อมกับฟังก์ชั่น พิเศษ MAGIC SKY CONTROL ที่สามารถปรับระดับความเข้มของหลังคาเพียงปลายนิ้วสัมผัส เพื่อเปลี่ยนโฉมให้กลายเป็นโรดสเตอร์ หรือคูเป้ได้ตามต้องการอย่างรวดเร็ว
เหนืออื่นใดยังเป็นการเปิดตัวสองนวัตกรรมใหม่ ครั้งแรกของโลกสำหรับ MAGIC VISION CONTROL ระบบ การทำงานของใบปัดน้ำฝนที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งน้ำฉีดล้างกระจกจะถูกส่งออกมาจากก้านปัดน้ำฝนโดยตรง โดยมีการปัดในสองทิศทาง ทำให้ไม่มีการกระจายตัวของละอองน้ำที่จะมาบดบังทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ในขณะ ฉีดน้ำ
รวมถึงระบบเสียง Front Bass ซึ่ง ใช้พื้นที่ว่างในโครงสร้างอะลูมิเนียมของตัวรถด้านหน้าเป็นจุดติดตั้งลำโพง เสียงเบส ทำให้เกิดเสียงทุ้มที่สะอาดลุ่มลึกและชัดเจน ให้ความรู้สึกดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงและช่วยสร้างบรรยากาศเสียงแบบคอนเสิร์ต ฮอลล์ได้แม้ในขณะที่เปิดหลังคา
ด้านความปลอดภัยมีครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® ซึ่งมีเพียงแบรนด์เดียวในโลก และระบบช่วยเหลือต่างๆ อาทิ ระบบเข็มขัดนิรภัยแบบรั้งกลับอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ถุงลมนิรภัยบริเวณศีรษะ พนักพิงศีรษะ NECK-PRO ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST ระบบ ADAPTIVE BRAKE และระบบช่วยจอด Active Parking Assist เป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในเมอร์เซเดส-เบนซ์ SL รุ่นใหม่
สำหรับค่าตัวของ “The new SL-Class” รุ่น SL 350 ยังไม่เปิดเผย ส่วน SL 500 BlueEFFICIENCY Sports AMG Roadster สนนราคาอยู่ที่ 14,490,000 บาท โดยมาพร้อมชุดแต่ง AMG Sports packageอาทิ กันชนหน้า กันชนหลัง และสเกิร์ตข้าง, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์สปอร์ตแบบ 3 ก้าน พร้อมสวิตช์ควบคุมการทำงาน 12 จุด หุ้มด้วยหนัง Nappa อย่างดี, แผงหน้าปัดลายธงตาหมากรุก, เบาะนั่งตัดเย็บแนวตั้ง เดินขอบด้วยสี designo platinum white pearl (เฉพาะเบาะนั่งสีดำ), ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษ และต่ำลงกว่าปกติ 10 มม., ดิสก์เบรกหน้า-หลังแบบมีช่องระบายความร้อน พร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า, ล้ออัลลอย AMG ลาย 5 ก้าน ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางหน้า 225/35 R19 และยางหลัง 285/30 R19และพรมรองพื้นสีดำพร้อมสัญลักษณ์ AMG
No comments:
Post a Comment